บทความด้านพลังงาน

สรุปประเด็นสำคัญจากงานสัมมนาเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (Energy Regulatory Commission Sandbox : ERC Sandbox)

บทความด้านพลังงาน
22 กันยายน 2568 , 12:00
97
0
0

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้จัดงานสัมมนาเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (Energy Regulatory Commission Sandbox : ERC Sandbox) โดยมี กกพ. ผู้บริหารสำนักงาน กกพ. และผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการแข่งขันด้านพลังงาน เพื่อวางรากฐานการแข่งขัน โครงสร้างพื้นนฐาน และเทคโนโลยีรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงานใหม่ตามแนวทาง 4D1E ส่งเสริมให้เกิดการใช้นวัตกรรมด้านพลังงาน ผ่านการดำเนินโครงการ ERC Sandbox และนำเสนอและเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้โครงการ ERC Sandbox นำไปสู่การส่งเสริมการใช้นวัตกกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการด้านพลังงานในภาคธุรกิจทางด้านพลังงานภายใต้โครงการ ERC Sandbox และเพื่อสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยงานสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ ประกอบด้วยการเสวนาและการบรรยาย 4 ช่วง (Session) โดยสรุปประเด็นสาระสำคัญได้ดังนี้

Opening Speech โดย ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) กำลังเป็นวาระสำคัญของโลก รวมถึงประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านความมั่นคง ความยั่งยืน และความเท่าเทียมทางพลังงาน การดำเนินโครงการ ERC Sandbox ได้สะท้อนถึงทิศทางและกลไกการขับเคลื่อนที่จะช่วยยกระดับระบบพลังงานไทยให้ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมี 5 ปัจจัยหลัก (Core Enablers) คือการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืนต้องอาศัย “เครื่องมือ” และ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ 1) นวัตกรรม (Innovation) – การพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยี การเงิน และรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ 2) โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) –ระบบ Smart Grid และศูนย์ข้อมูลพลังงาน (Energy Data Center) 3) การศึกษาและบุคลากร (Education & Human Capital) – การยกระดับความรู้พลังงาน (Energy Literacy) และสร้างการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition) 4) การเงินและการลงทุน (Finance & Investment) – กลไก Green Finance และการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว และ 5) กฎระเบียบและพันธสัญญาทางการเมือง (Regulation & Political Commitment) – Green Taxonomy, Deregulation, Direct PPA และการปรับปรุงแผน PDP โดยมี 3 ปัจจัยหลักในการสนับสนุน (Enabling Factors) นอกเหนือจากกลไกขับเคลื่อนแล้ว ยังต้องคำนึงถึง ความเท่าเทียม (Equity) ความมั่นคง (Security) และ ความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นอย่างสมดุล

ตำแหน่งของไทยในดัชนี Energy Transition Index (ETI) ปี 2025 จากการจัดอันดับล่าสุด ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 51 โดยมี Transition Readiness ที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีความท้าทายในด้าน System Performance และการปรับปรุงกฎระเบียบ ซึ่งบ่งชี้ว่าไทยมีศักยภาพ แต่ยังต้องเร่งปฏิรูปเพื่อตามทันประเทศที่ก้าวหน้ากว่า เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม

โครงการ ERC Sandbox ออกแบบ “สนามทดลอง” เพื่อตรวจสอบและเร่งรัดนวัตกรรมด้านพลังงานผ่าน 4 มิติหลัก ได้แก่ 1) Regulatory Test 2) Financial Test 3) Technology Test และ 4) System Test กลไกเหล่านี้จะช่วยให้แนวคิดใหม่ ๆ ได้ถูกนำมาทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนการนำไปขยายผลสู่เชิงพาณิชย์

บทสรุปโครงการ ERC Sandbox ไม่ได้เป็นเพียงแผนงาน แต่คือ เวทีทดลองเทคโนโลยีเชิงนโยบาย ที่จะผลักดันประเทศไทยสู่พลังงานสะอาด มั่นคง และยั่งยืน ผ่านการผสานนวัตกรรม กฎระเบียบที่ทันสมัย และการลงทุนพลังงานสีเขียว หากดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานในภูมิภาคได้ในอนาคต

Session 1: แนวคิดและกรอบการดำเนินโครงการ ERC Sandbox

ผู้บรรยาย :
ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและพัฒนาการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงาน กกพ. (ดร.ชาญชัย อมรวิภาส) และ ที่ปรึกษาโครงการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

Topic 1: วัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ ERC Sandbox เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงานของประเทศไทย

สรุป โครงการ ERC Sandbox พื้นที่ทดลองนวัตกรรมพลังงานเพื่ออนาคตไทย โดยประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายสำคัญในการรับมือกับวิกฤตพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือการบรรลุ Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 การเดินไปสู่เป้าหมายนี้ไม่เพียงแต่ต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเท่านั้น แต่ยังต้องปรับปรุงโครงสร้างตลาดพลังงานและกฎระเบียบให้ทันสมัยและรองรับเทคโนโลยีใหม่ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ กกพ. ได้จัดทำขึ้นคือ โครงการ ERC Sandbox ซึ่งเป็นสนามทดลอง ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถทดสอบนวัตกรรมและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมจริง และการผ่อนปรน กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องบางประการ เพื่อนำผลการทดสอบที่ได้สู่การดำเนินการในเชิงพาณิชย์ต่อไป

วัตถุประสงค์ของโครงการ ERC Sandbox มีเป้าหมายเพื่อให้ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจสามารถทดลองโครงการที่ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ตามกรอบกฎหมายปกติ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายได้ข้อมูลเชิงประจักษ์สำหรับการปรับปรุงกฎระเบียบในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ให้บริการโครงข่าย ได้เรียนรู้ร่วมกัน ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง และสร้างวัฒนธรรมความร่วมมือ

ขอบเขตการทดสอบ การทดสอบครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่

1) ด้านเทคนิค (Technical Test) – การทำงานของเทคโนโลยีในระบบจริง

2) ด้านกฎเกณฑ์การกำกับ (Regulatory Test) – ความเหมาะสมของกรอบกฎหมาย

3) ด้านธุรกิจ (Commercial Test) – ความคุ้มค่าทางธุรกิจ

4) ด้านระบบโครงข่าย (System Test) – ผลกระทบต่อความมั่นคงและความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า

โครงการที่อยู่ภายใต้โครงการ ERC Sandbox ต่อมาได้ขยายผลสู่ระยะที่ 2 และระยะเพิ่มเติม โดยได้รับกรอบปริมาณ 50 MW เพื่อการทดสอบซื้อขายจริงผ่านโครงข่ายของการไฟฟ้าตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 โดยครอบคลุมโครงการหลากหลาย ได้แก่

1) แพลตฟอร์มซื้อขายไฟฟ้า (RE Trading Platform)

pic1

ภาพ: RE Trading Platform

2) เทคโนโลยีเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Flexibility & TPA for RE) เช่น Smart Grid, Smart Meter, V2G, Microgrid, NUoS* ratemaking, ESS, Virtual Battery, Virtual Power Plant

หมายเหตุ : *NUoS = Network Use of System (Wheeling Charge)

pic2

ภาพ: Grid Flexibility & TPA for RE

3) รูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ (Corporate PPAs) เช่น Virtual PPA, Sleeved PPA, Direct PPA

pic3

ภาพ: Corporate PPA

กลไกทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อรองรับการทดสอบการซื้อขายไฟฟ้าผ่านโครงข่ายไฟฟ้า กกพ. ได้กำหนดอัตราค่าบริการในการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายของการไฟฟ้า (Wheeling Charge : WC) ที่ 1.0694 บาทต่อหน่วย ซึ่งรวมถึง (1) ค่าบริการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า (Ancillary Services) = 0.0707 บาท/kWh (2) อัตราค่าบริการระบบส่งไฟฟ้า (Transmission Charge) = 0.2418 บาท/kWh (3) อัตราค่าบริการระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Distribution Charge) = 0.5162 บาท/kWh (4) อัตราค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) = 0.2407 บาท/kWh

แนวทางการทดสอบการเก็บข้อมูลและถอดบทเรียน ระบบจะเก็บข้อมูลการผลิตและการใช้ไฟฟ้าของผู้เข้าร่วมทุก 15 นาที ทั้งจากการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P การชาร์จและปล่อยพลังงานจากแบตเตอรี่ ระบบ V2G และ VPP เพื่อนำมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ในเชิงเทคนิค เศรษฐศาสตร์ และนโยบาย

บทเรียนสำคัญจาก ERC Sandbox คือ ความร่วมมือ ระหว่างผู้กำกับดูแล ภาคเอกชน และผู้ให้บริการโครงข่ายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง กฎระเบียบต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรม และนโยบายที่จะใช้ในอนาคตควรอิงจากผลลัพธ์จริงของโครงการทดลอง

โครงการ ERC Sandbox จึงไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ทดลอง แต่เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Topic 2: กรณีศึกษาโครงการ ERC Sandbox และกลไกกำกับนวัตกรรมด้านพลังงานในต่างประเทศ

สรุป Regulatory Sandbox เป็นกลไกสำคัญที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อเปิดพื้นที่ทดลองนวัตกรรมพลังงานใหม่ ๆ โดยอยู่ภายใต้กรอบกฎระเบียบที่ผ่อนปรนชั่วคราว เพื่อให้นักพัฒนาและผู้ประกอบการได้ทดสอบความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งนี้ Sandbox ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้หน่วยงานกำกับเรียนรู้ผลจากการทดลองและสามารถปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกับสภาพการณ์จริงในอนาคต

มิติสำคัญในการพิจารณาของการดำเนินงาน Sandbox ในต่างประเทศ

การออกแบบ Sandbox ในภาคพลังงานของประเทศต่าง ๆ มีมิติหลักในการพิจารณา 3 ประการ คือ

1) หน่วยงานขับเคลื่อน

• หน่วยงานกำกับดูแลกิจการพลังงาน (Regulator)

• กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน

• บางกรณีมีสถาบันวิจัยและองค์กรอิสระเข้ามามีบทบาทร่วม

pic4

ภาพ: หน่วยงานขับเคลื่อนโครงการ Sandbox ในต่างประเทศ

2) แนวทางการกำกับดูแล

• การให้คำปรึกษาเฉพาะโครงการ

• การให้สิทธิยกเว้นกฎระเบียบชั่วคราว

• การออกกฎหมายรองรับเพื่อการทดลอง

3) การสนับสนุนด้านการเงิน

• บางประเทศไม่มีการสนับสนุนโดยตรง แต่เปิดทางให้เข้าถึงกองทุนอื่น

• บางประเทศให้สิ่งจูงใจทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ยตอบแทนเพิ่มเติม (IRR+2%)

• บางประเทศมีเงินสนับสนุนโดยตรงจากรัฐเพื่อผลักดันโครงการเชิงยุทธศาสตร์

แนวทางการกำกับดูแลในประเทศต่าง ๆ

1) สหราชอาณาจักร หน่วยงานกำกับดูแล Ofgem

• ลักษณะการดำเนินงาน: ให้คำแนะนำเฉพาะกรณี เพื่อให้ผู้พัฒนานวัตกรรมเข้าใจกฎระเบียบ และสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

• ลักษณะเด่น: ไม่ใช่การยกเว้นทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ แต่ช่วยลดความไม่แน่นอน

• ระยะเวลา: 2 ปีสำหรับการทดลอง + 1 ปี สำหรับการเปลี่ยนผ่าน (สูงสุด 3 ปี บางกรณี 4 ปี)

• จุดเน้น: เทคโนโลยีที่พร้อมสู่ตลาด แต่ติดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ

• การเงิน: ไม่มีการสนับสนุนโดยตรง

2) ออสเตรเลีย หน่วยงานกำกับดูแล AER ร่วมกับหน่วยงานสำคัญ AEMC/ARENA/AEMO

• ลักษณะการดำเนินงาน: ให้คำปรึกษาเชิงกฎเกณฑ์

• จุดเด่น: ใช้ “Trial Buckets” เพื่อคัดเลือกนวัตกรรมที่มีผลประโยชน์เชิงระบบต่อเครือข่ายไฟฟ้าและผู้ใช้จำนวนมาก

• ระยะเวลา: สามารถให้สิทธิยกเว้นกฎระเบียบ ได้สูงสุด 5+1 ปี (สูงสุด 6 ปี)

• การเงิน: ไม่มีเงินทุนตรงจากโครงการ Sandbox แต่ผู้พัฒนาสามารถยื่นขอทุนจาก ARENA ได้

3) อิตาลี หน่วยงานกำกับดูแล ARERA

• ลักษณะการดำเนินงาน: มุ่งเน้นไปที่การทดสอบทางเทคนิค (Technical Requirements) เพื่อให้ข้อมูลกลับไปสู่การปรับปรุงกฎระเบียบจริง

• สิ่งจูงใจทางการเงิน: ให้ IRR+2% เป็น top-up เพื่อจูงใจการลงทุน ลดความเสี่ยง และช่วยให้คืนทุนได้หากโครงการประสบความสำเร็จ

• แหล่งเงินทุน: มาจาก System Operator ไม่ใช่รัฐ เพื่อสะท้อนความต้องการจริงของตลาด

• ระยะเวลา: 3 ปี + 1 ปี (สูงสุด 4 ปี)

4) เยอรมนี หน่วยงานกำกับดูแล BMWi

• ลักษณะการดำเนินงาน: ใช้โครงการเชิงยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ เช่น Urban Energy และ Sector Coupling

• การกำกับดูแล: มีการกำหนดกฎหมายเฉพาะ “Regulatory Sandboxes Act” เพื่อคุ้มครองผู้เข้าร่วมจากความเสี่ยงด้านกฎหมายหลังสิ้นสุดการทดลอง

• ผู้เข้าร่วม: หลากหลาย ตั้งแต่บริษัทเอกชน การไฟฟ้าท้องถิ่น มหาวิทยาลัย ไปจนถึงภาครัฐท้องถิ่น

• ระยะเวลา: 5 ปี

• การเงิน: สนับสนุนโดยตรงจากรัฐเพื่อผลักดันการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์

ข้อเสนอแนะด้านการกำกับดูแล

จากการเปรียบเทียบแนวทางในต่างประเทศ สามารถสรุปข้อเสนอแนะดังนี้

1) แนวทางการกำกับดูแล

• Ease of Operation Flow – การให้คำแนะนำเข้าร่วมโครงการ และความเข้าใจ รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ

• Window of Sandbox – การปรับปรุงแนวทางการทดสอบอย่างต่อเนื่อง

2) การกำหนดยุทธศาสตร์เฉพาะด้านเทคโนโลยี/ธุรกิจ – เพื่อเก็บข้อมูลและประเมินผลอย่างตรงเป้า นำไปสู่การปรับปรุงกฎเกณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว

3) การสนับสนุนด้านการเงิน

• การลดความเสี่ยงทางการเงิน – ใช้มาตรการจูงใจ เช่น การเพิ่มผลตอบแทน IRR หรือการให้เงินอุดหนุนเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการ

• จากแหล่งทุนภายนอก – เปิดโอกาสให้เข้าถึงกองทุนที่ไม่ใช่ของรัฐโดยตรง

ตาราง: สรุปเปรียบเทียบการดำเนินโครงการ Sandbox ในต่างประเทศ

ประเทศ หน่วยงานกำกับดูแล การกำกับ เทคโนโลยีและกลุ่มเป้าหมาย การสนับสนุนทางด้านการเงิน ระยะเวลาทดสอบ
สหราชอาณาจักร Ofgem ให้คำปรึกษาและออกแบบร่วม เปิดกว้าง ไม่มีเงินอุดหนุนโดยตรง 2+1 ปี (สูงสุด 3 ปี บางกรณี 4 ปี)
ออสเตรเลีย AER ให้คำปรึกษาและออกแบบร่วม เปิดกว้าง และ เจาะจง ไม่มีเงินอุดหนุนโดยตรง แต่สามารถขอจาก ARENA 5+1 ปี (สูงสุด 6 ปี)
อิตาลี ARERA มีสถาบันวิจัยร่วมออกแบบและกำหนดเงื่อนไขทางเทคนิค เจาะจง มีผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ถ้าทำได้ตามเงื่อนไข 3+1 ปี (สูงสุด 4 ปี)
เยอรมนี BMWi กระทรวงทำหน้าที่ติดตามและมีงบประมาณสนับสนุน เจาะจง มีงบประมาณสนับสนุนทั้งในรูปแบบเบิกคืนภายหลัง และเงินอุดหนุนโดยตรง 5 ปี

Regulatory Sandbox ไม่ได้มีโมเดลเดียว แต่ละประเทศออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพตลาดพลังงานและยุทธศาสตร์ของตนเอง เช่น สหราชอาณาจักรเน้นการให้คำปรึกษาเชิงกฎเกณฑ์ ออสเตรเลียเน้นการทดลองระบบไฟฟ้าระดับโครงข่าย อิตาลีเพิ่มแรงจูงใจทางการเงิน และเยอรมนีใช้ Sandbox เพื่อขับเคลื่อนโครงการเชิงยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่

สิ่งสำคัญคือ Sandbox ช่วยสร้าง “พื้นที่ทดลองที่ปลอดภัย” (Safe Space) สำหรับนวัตกรรมพลังงานใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้หน่วยงานกำกับเรียนรู้ ปรับปรุงกฎระเบียบ และสร้างความมั่นใจต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต

Topic 3: รายงานการติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ ERC Sandbox

สรุป การติดตามและการประเมินผล (Monitoring & Evaluation) เป็นกระบวนการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมของโครงการตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อประเมินสถานะความก้าวหน้าและรายงานผลความคืบหน้าของโครงการระหว่างการดำเนินงาน โดยเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามแผนการปฏิบัติการ (Action Plan) หรือ รายละเอียดข้อเสนอโครงการ (Project Proposal) ของแต่ละโครงการ ในลักษณะของระบบ Google Sheet

ระบบติดตามความและสรุปผลความคืบหน้าของโครงการ

pic5

ภาพ: ระบบติดตามและรายงานความคืบหน้าโครงการ ERC Sandbox

สรุปประเด็นปัญหา

จากการ Monitoring & Evaluation สามารถสรุปประเด็นปัญหาหรือผลกระทบจากการดำเนินโครงการได้ 4 ประเด็นหลัก ดังนี้

1) ปัญหาด้านเงินลงทุน

2) ปัญหาด้านความร่วมมือด้านพันธมิตร

3) ปัญหาด้านการปลดล็อกกฎระเบียบ

4) ปัญหาด้านการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้

Session 2: การนำเสนอตัวอย่างการดำเนินโครงการ ERC Sandbox และ โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2

ผู้บรรยาย :
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี)
การไฟฟ้านครหลวง (คุณวุฒิชัย สราญรมย์) และ
บริษัท กัลฟ์ 1 จำกัด (คุณอำนวยพร ประกอบนพเก้า)

Topic 1: โครงการพื้นที่ทดสอบมหาวิทยาลัยอัจฉริยะด้านพลังงาน: การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer และอาคารอัจฉริยะ ผู้ดำเนินโครงการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สรุป โครงการดำเนินการทดสอบ ระบบซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P) ภายในพื้นที่ของจุฬาฯ ประกอบด้วยอาคารเรียน อาคารสำนักงาน เป็นต้น โดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ในรูปแบบการซื้อขายจริงด้วยระบบ P2P Energy Trading Platform โดยมีการจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าจริง ตามผลการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม และชำระค่าบริการ WC ให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ตามอัตราที่ กกพ. กำหนด

ระบบการซื้อขาย

• ผู้ซื้อและผู้ขายกำหนดราคาและปริมาณแบบ Manual และ แบบ Auto by Bidding Agent (Random Price, Constant Price Previous MCP, Dynamic Last Hour)

• กำหนดรูปแบบตลาด แบบ 1-Settlement Payment (Hour Ahead Only) และ 2-Settlement Payment (Day Ahead + Hour Ahead)

• กำหนดรูปแบบราคา แบบ Uniform, Discriminatory และ Pay as Bid

ผลการทดสอบ

โครงการฯ ใช้การทดสอบซื้อขายไฟฟ้า P2P Energy Trading Platform ประเภท Community โดยมี Platform Operator ทำหน้าที่จับคู่การซื้อขายไฟฟ้า ผลทางด้านเทคนิคหลักที่พบ มีโอกาสเกิดไฟฟ้าไหลย้อนเข้าระบบโครงข่ายของ กฟน. และมีการคำนวณค่า WC ที่เกิดขึ้น

• ปัญหาแรงดันไฟฟ้า ไม่กระทบเนื่องจากระบบไฟฟ้าของจุฬาฯ มีโครงข่ายที่เชื่อมต่อถึงกันได้หลายทาง

• ปัญหาไฟฟ้าไหลย้อน ไม่กระทบเนื่องจากมีปริมาณการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาน้อยกว่าปริมาณความต้องการ กรณีที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยลง เช่น วันหยุด ไฟฟ้าจะไหลไปยังระบบข้างเคียงของจุฬาฯ ที่มีการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลานั้น

pic6

ภาพ: แสดงหลักการ Community Model ซึ่งมี Platform Operator ทำหน้าที่ในการจับคู่การซื้อขายไฟฟ้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในช่วงทดสอบโครงการ

ข้อดี การซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P

• ช่วยให้ผู้ที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสามารถบริหารจัดการปริมาณไฟฟ้าส่วนเกินให้มีผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้และยังเกิดประโยชน์ต่ออาคารที่ต้องการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีราคาต่ำกว่าค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้า

• ไฟฟ้าส่วนเกินสามารถสร้างประโยชน์โดยรวมได้มากกว่าการกำจัดทิ้งไปด้วยการควบคุมไฟฟ้าไม่ให้มีไฟฟ้าไหลย้อนผ่าน Reverse Power Relay หรือระบบ Zero Export ของ อินเวอร์เตอร์ (Inverter) ซึ่งเป็นการทิ้งไฟฟ้าไปโดยเปล่าประโยชน์

• การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายไม่สูญเสียรายได้ที่ควรได้รับ หากมีการกำหนดอัตราการใช้ระบบโครงข่ายในอัตราที่เหมาะสม ไม่ต่ำและไม่สูงจนเกินไป

• ทีมวิจัยเสนอว่า เนื่องจากการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P มักจะมีปริมาณไม่เยอะมากเกินไปเทียบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในบริเวณนั้นและมักจะมีการผลิตและใช้งานไฟฟ้าในบริเวณจำกัดอยู่แล้ว ทำให้ไฟฟ้าไหลย้อนมีเพียงบางช่วงเวลา และไม่ส่งผลกระทบทางเทคนิคต่อระบบไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรผ่อนปรนกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการไม่ให้ไฟฟ้าไหลย้อนจากระเบียบการเชื่อมต่อ (Grid Code)

โครงสร้างอัตราค่าบริการ Wheeling Charge

• ทีมวิจัยเสนอว่าควรใช้วิธีการแบบ Postage Stamp เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายในแพลตฟอร์ม P2P มักจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันและมักจะอยู่ในระดับแรงดันเดียวกัน "แม้จะนำระยะทางหรือระดับแรงดันมาร่วมคำนวณค่าบริการระบบโครงข่ายก็มักจะไม่ต่างกับการคิดแบบเหมาต่อหน่วยแบบ Postage Stamp มากนัก แต่หากใช้วิธีการนี้จะมีข้อดีกว่า เนื่องจากสามารถนำมาพิจารณาในตลาดที่พัฒนาขึ้นได้โดยตรง โดยพิจารณาเป็นส่วนเพิ่มรวมเข้าไปในส่วนของราคาไฟฟ้าที่เสนอขายและใช้วิธีการเคลียร์ตลาดแบบเดิม ทำให้เกิดความสะดวกและลดความยุ่งยากของผู้ซื้อและผู้ขาย

• ในมิติของรูปแบบของการเคลียร์ตลาด (Market’s Settlement Mechanism) สามารถสรุปได้ว่าหากระบบที่ทำการซื้อขายมีขนาดเล็กและผู้ซื้อและผู้ขายเป็นประชาชนทั่วไป เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย การใช้รูปแบบการเคลียร์ตลาดครั้งเดียว (Single Settlement) ก็น่าจะเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายของการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P แล้ว แต่หากแพลตฟอร์มมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นและมีผู้ซื้อและผู้ขายที่มีความเป็นมืออาชีพจำนวนมาก การใช้รูปแบบการเคลียร์ตลาดสองครั้ง (2-settlement) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดและสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้ดีกว่า

• ในมิติของกฎเกณฑ์การกำหนดราคาซื้อขาย (Market's Rule) ทางโครงการพบว่ากำหนดให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับราคาไฟฟ้าตามราคาที่ตนเสนอ (Pay as Bid) จะช่วยลดความผันผวนของการเก็งกำไรจากราคาค่าไฟฟ้าได้มากกว่ารูปแบบอื่น ในอนาคตควรต้องมีการเตรียมการศึกษาลักษณะของตลาดซื้อขายไฟฟ้าและโครงสร้างของตลาดของประเทศไทยในอนาคตว่าควรเปิดให้มีตลาดซื้อขายไฟฟ้าขนาดเล็กแบบ P2P ควบคู่ไปกับกิจการไฟฟ้าแบบ ESB หรือไม่และรวดเร็วเพียงใด จะต้องศึกษาว่าการกำกับดูแลให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้ซื้อขายไฟฟ้าซึ่งมักจะเป็นรายย่อยควรดำเนินการอย่างไร และจะต้องมีกรอกใบอนุญาตในระดับรายบุคคลหรือไม่หรือออกใบอนุญาตเฉพาะแค่แพลตฟอร์มเพียงพอ

Topic 2: โครงการ Energy Deposit Service by virtual Battery ผู้ดำเนินโครงการ การไฟฟ้านครหลวง

สรุป ทดสอบการให้บริการรับฝากพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากไฟฟ้าที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Prosumer) ที่ผลิตไฟฟ้าได้เกินความต้องการใช้งาน พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่ผลิตได้สามารถจ่ายย้อนเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าและใช้ระบบโครงข่ายของ กฟน. เป็นเสมือนแบตเตอรี่ที่กักเก็บพลังงานส่วนนี้ไว้ และ Prosumer สามารถดึงพลังงานส่วนที่ฝากไว้จากระบบโครงข่ายไฟฟ้ากลับไปใช้งาน โดยค่าเสียบริการรับฝากพลังงานให้กับ กฟน. แทนการลงทุนระบบกักเก็บพลังงานจริง พื้นที่ทดสอบภายในหมู่บ้านเสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน ผู้เข้าร่วมติดตั้งระบบสมาร์ทมิเตอร์และหม้อแปลงจำหน่ายที่มีอุปกรณ์ควบคุมแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (On-load Tap Changer Distribution Transformer) เพื่อควบคุมแรงดันไฟฟ้า

ระบบการคิดค่าบริการ อิงจากพลังงานที่รับฝากและการใช้ไฟฟ้า โดยระบบ ICT บันทึกหน่วยพลังงานรับฝากและการใช้งานทุก 15 นาที ผ่านสมาร์ทมิเตอร์และระบบฐานข้อมูล จากนั้นนำข้อมูลไปคำนวณค่าไฟแบบ Net Billing ค่าบริการรับฝากพลังงานใช้อัตราเดียวกับอัตรา WC ตามที่ กกพ. กำหนด

pic7

ภาพ: แสดงหลักการรับฝากพลังงานแบตเตอรี่เสมือน (Virtual Battery)

pic8

ภาพ: แสดงหลักการคิดค่าไฟฟ้าแบบ Net Billing

ผลการทดสอบ

Prosumer สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 920 – 5,550 บาทต่อปี คิดเป็น 3 – 37 % ต่อปี และเมื่อเทียบกับการเข้าร่วมโครงการอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน โครงการรับฝากพลังงานได้รับผลประหยัดสูงสุด และการไฟฟ้ามีรายได้จากค่าบริการรับฝากพลังงาน

ข้อจำกัดในการทดสอบ

การทำธุรกรรมเป็นตัวเงินจริง มีข้อจำกัดเรื่องแนวทางการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มแบบหักลบกลบหน่วย กฟน. มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสม อาทิ การคิดแบบ Net Billing การปรับอัตราค่าบริการ การคิดกำลังไฟฟ้าสูญเสีย และการรับฝากข้ามเดือน เป็นต้น

Topic 3: โครงการนำร่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเสมือนในประเทศไทย และโครงการนำร่องสร้างกลไกราคา REC จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผู้ดำเนินโครงการ บริษัท กัลฟ์ 1 จำกัด

สรุป การดำเนินการทดสอบการซื้อขายไฟฟ้าเสมือน (Virtual PPA) และ Wholesale Market โดยร่วมทดสอบกับบริษัท แพนดอร่า (Pandora) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับรายใหญ่ของโลก มีความต้องการใช้พลังงานสะอาดโดยมีเป้าหมายเพื่อลด GHG ลง 50% ในปี 2030 การทำสัญญา Virtual PPA เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ในการติดตั้ง RE Project และทำให้ Pandora ได้มีส่วนช่วยให้เกิดโครงการ Newly-Built หรือ Additionality จึงได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ภายใต้โครงการ ERC Sandbox (ระยะที่ 2) เพื่อจำลองการซื้อขายไฟฟ้าเสมือน (Virtual PPA: VPPA) โดยอ้างอิงราคาไฟฟ้าที่คำนวณจากต้นทุนโครงการกับราคาตลาดที่มีความผันผวน โดยทางผู้ซื้อจะได้รับสิทธิซื้อใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ในราคาที่ตกลงร่วมกันในโครงการ

การทดสอบ

1) ผู้ใช้ไฟฟ้า Pandora มีสัญญาซื้อไฟฟ้าในปัจจุบันกับ กฟน. และผู้ผลิตไฟฟ้า (Solar Rooftop) เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองภายในอาคารของบริษัท กัลฟ์ ทีเอส 3 จำกัด และบริษัท กัลฟ์ ทีเอส 4 จำกัด ในรูปแบบ Private PPA

pic9

ภาพ: หลักการทดสอบของการซื้อขาย Virtual PPA

2) การซื้อขาย Virtual PPA คือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผู้ซื้อรับประกันราคาค่าไฟที่ตกลงในสัญญา และจะจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาที่รับซื้อ (Tariff Virtual PPA) และราคาไฟฟ้าตามราคาตลาด (Market Price) เมื่อราคาไฟฟ้าในท้องตลาดต่ำกว่าราคาไฟที่ผู้ซื้อตกลงไว้ ทางผู้ซื้อจะได้รับสิทธิซื้อใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ในราคาที่ตกลงร่วมกันในโครงการ ทั้งนี้ กลไกสำคัญของการซื้อขาย Virtual PPA คือ การอ้างอิงราคาไฟฟ้าที่กำหนดไว้ในโครงการ (Fixed Virtual PPA Price) กับราคาตลาด (Wholesale Market Price) ที่มีความผันผวน เนื่องจากประเทศไทยไม่มีตลาดซื้อขายไฟฟ้าแบบ Wholesale Market ทำให้ต้องมีการหาดัชนี Proxy ราคาไฟฟ้าในท้องตลาด (Wholesale Market Price) เพื่อทำการเปรียบเทียบส่วนต่าง

• ราคา Fixed Virtual PPA คิดจาก ต้นทุนโครงการขนาด 0.2 MW + ผลตอบแทนโครงการ + ค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งเป็นต้นทุนโครงการกำหนดไว้ที่ 2.75 บาทต่อหน่วย คงที่ตลอดโครงการ

• ราคาตลาด (Wholesale Market Price) อ้างอิงจาก การคาดการณ์ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของระบบ PV ในอนาคต โดยคิดจากตัวแปรหลัก 5 ตัว ที่สะท้อนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการลงทุนติดตั้งแผงโซล่า ได้แก่ (1) ราคาแผงโซล่าเซลล์ (2) อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาท และเงินเหรียญสหรัฐอเมริกา (FX rate) (3) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (4) ราคาอะลูมิเนียม และ (5) ราคาทองแดง

3) กลไกการชดเชยราคาค่าไฟ (Pricing Mechanism/Financial Settlement) ตามหลักการ Virtual PPA ที่มักใช้กับราคาตลาดที่มีความผันผวนมาก (Wholesale Market Price) จึงมีทั้งกรณีสูงและต่ำกว่าราคาที่กำหนดร่วมกัน (Fixed Virtual PPA)

• กรณีราคา Wholesale Market Price > Fixed VPPA Price : ผู้ขายจะจ่ายเงินส่วนต่างให้แก่ผู้ซื้อ

• กรณีราคา Wholesale Market Price < Fixed VPPA Price : ผู้ซื้อจะจ่ายเงินส่วนต่างให้แก่ผู้ขาย

การกำหนดราคาใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ผู้ซื้อและผู้ขาย ตกลงรูปแบบและวิธีการคำนวณโดยอ้างอิงจากราคา REC ของประเทศไทย และยุโรป

pic10

ภาพ: กลไกการชดเชยราคา

ผลการทดสอบ

ราคา Wholesale Market Price ในช่วง พ.ค.- มิ.ย. 2567 เท่ากับ 2.34 บาท/หน่วย และในช่วง ก.ค.- ส.ค. 2567 เท่ากับ 2.26 บาท/หน่วย และในช่วง ก.ย.-ต.ค. 2567 เท่ากับ 2.01-2.02 บาท/หน่วย เมื่อเทียบกับราคา Fixed Virtual PPA ซึ่งเป็นต้นทุนโครงการกำหนดไว้ 2.75 บาทต่อหน่วย คงที่ตลอดโครงการ ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนที่ทำการทดสอบ (พ.ค.- ต.ค. 2567) ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินส่วนต่างให้กับผู้ขาย ประมาณ 0.41-0.74 บาท/หน่วย ตามหลักการ Virtual PPA แต่ปัจจุบันยังไม่มีการจ่ายเงินในส่วนนี้จริง

pic11

ภาพ: ผลการคำนวณส่วนต่างราคาที่ต้องชดเชย

สำหรับราคา REC ที่กำหนดในโครงการเพื่อให้ผู้ขาย คือ บริษัท กัลฟ์ 1 ขายให้ผู้ซื้อ คือ Pandora มีการอ้างอิงราคา REC ในไทย (กำหนดไว้ที่ 60 บาท/REC ณ วันที่ทำสัญญา Virtual PPA ในโครงการ) และราคา REC ในตลาดยุโรปที่มีความผันผวน ส่งผลให้ราคา REC ที่ซื้อขายในโครงการในช่วง 6 เดือนมีความผันผวนตามไปด้วย ซึ่งอยู่ระหว่าง 31-97 บาท/REC ซึ่งเป็นราคาที่ Pandora ซื้อ REC จาก บริษัท กัลฟ์ 1 โดยปกติแล้วรูปแบบสัญญา Virtual PPA จะใช้ราคาซื้อขายไฟฟ้าในตลาดขายส่ง (Wholesale Market Price) เป็นราคาอ้างอิง แต่เนื่องจากโครงการกิจการไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นรูปแบบ ESB ดังนั้นจึงไม่มีราคาซื้อขายไฟฟ้าในตลาดขายส่ง โครงการจึงเลือกใช้ราคาตลาดที่คำนวณจากหลายตัวแปรเกี่ยวกับการลงทุนติดตั้งแผง โซล่าเป็นราคาอ้างอิงในโครงการซึ่งจากการทดสอบโครงการในช่วง 6 เดือน (พ.ค.-ต.ค. 2567) พบว่าราคาตลาดที่ใช้ในโครงการต่ำ เนื่องจากเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาแผงโซล่าถึง 60% ซึ่งราคาอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากมีปริมาณการผลิตแผงโซล่าในตลาดโลกอยู่ในภาวะล้นตลาด ดังนั้น ผู้ซื้อไฟฟ้าจึงชดเชยราคาให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นการสร้างความเสี่ยงให้กับการทำสัญญา Virtual PPA ของ Pandora ในระยะยาว ดังนั้นการชดเชยราคาในโครงการจึงไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่

ข้อจำกัดในการทดสอบ

ในส่วนของราคา REC ในประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดราคาหรือมีตลาดซื้อขายอย่างเป็นทางการ มีเพียงรูปแบบการตกลงซื้อขายเฉพาะผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น (over the counter) โดยราคาอาจไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ จึงไม่มีราคาตลาดอ้างอิง

ข้อเสนอแนะจากการทดสอบ

• หลักการการทำสัญญารูปแบบ Virtual PPA เป็นกลไกทางการเงิน (Financial Instrument) ที่เจตนาให้เกิดการลงทุนโครงการพลังงานใหม่ ๆ (Additionality) และก้าวข้ามข้อจำกัดด้านพื้นที่ในการส่งมอบเนื้อไฟและ REC แบบ Bundle โดยเป็นสัญญาที่อนุญาตให้ผู้ซื้อและผู้ขายไฟฟ้าที่ต้องการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทำการตกลงซื้อขายไฟฟ้า โดยไม่ต้องมีการส่งมอบเนื้อไฟ หากแต่เพียงส่งมอบ Unbundled-REC ให้ผู้ซื้อไฟฟ้าซึ่งเป็นคู่สัญญา ดังนั้น การมีตลาดผู้ใช้ไฟฟ้า ให้ผู้ลงทุนสามารถนำเนื้อไฟที่ผลิตขึ้นได้จากโครงการ ไปขายให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นจึงถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่จะทำให้กลไกการชดเชยราคาส่วนต่าง ระหว่างราคาที่รับประกันในสัญญา Virtual PPA และราคาส่งมอบเนื้อไฟให้ผู้ใช้ไฟรายอื่น เกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ การจับคู่ (Matching) สัญญาที่เป็น Virtual PPA และอีกคู่สัญญาที่เป็นการซื้อขายและส่งมอบเฉพาะเนื้อไฟนั้นถือเป็นเรื่องยาก และมีต้นทุนในการค้นหาผู้ซื้อผู้ขายหากไม่มีกลไกตลาด ดังนั้น การมีกลไกตลาดและราคาตลาด (Wholesale Market Price) จึงถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การดำเนินสัญญารูปแบบ Virtual PPA ในทางปฏิบัติมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

• การทำสัญญารูปแบบ Virtual PPA เป็นกลไกทางการเงินที่ลดความเสี่ยงทางการเงินให้กับทั้งผู้ขายไฟฟ้า (หรือ ผู้ลงทุนโครงการ RE ใหม่) และผู้ซื้อไฟฟ้าจากการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ราคาไฟฟ้ามีความผันผวนสูง การชดเชยส่วนต่างราคาค่าไฟทำให้ผู้ลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่แน่นอน ลดความเสี่ยงของการพัฒนาโครงการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้เกิดการลงทุนในโครงการ RE ใหม่ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ซื้อไฟฟ้าก็มีต้นทุนและภาระชดเชยค่าไฟที่มาจากโครงการลงทุนใหม่ที่ถูกลง โดยเพียงแค่ชดเชยค่าส่วนต่างเท่านั้น หรือไม่เกินราคารับซื้อที่รับประกันไว้ ในขณะที่จะได้รับสิทธิ์ซื้อใบรับรองเครดิต REC ในราคาที่ตกลง

• การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการระบุราคาในสัญญาให้กับผู้ลงทุนและผู้ซื้อไฟฟ้า ว่าการระบุราคารับซื้อไฟฟ้าใน Virtual PPA ที่เหมาะสมนั้นควรมีการกำหนดราคาในรูปแบบอื่น ๆ ได้อีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดราคารับซื้อแบบการตั้งราคาค่าไฟฟ้าที่เป็นรูปแบบราคาลอยตัว (Float Rate) ตามทิศทางราคาค่าไฟในตลาด หรือ การกำหนดราคาที่ตายตัวขาขึ้นแบบขั้นบันได (Step-up) หรือแบบขั้นบันไดขาลง (Step-down) เพื่อให้ป้องกันความเสี่ยงด้านราคาของทั้งฝั่งผู้ลงทุน (ผู้ขายไฟฟ้า) และผู้ซื้อไฟฟ้า มีความสอดคล้องกับราคาค่าไฟฟ้าที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงตามการคาดการณ์ในอนาคตได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลแบบจำลองสูตรการคำนวณราคา Wholesale Market Price ที่มีแนวโน้มราคาลดลงตามราคาต้นทุนค่าแผงโซล่า และการขาดทุนอย่างต่อเนื่องของแพนโดร่า ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า และอาจสะท้อนถึงความเสี่ยงทางการเงินที่จะเกิดขึ้นจากวิธีการกำหนดราคาในสัญญาที่เป็นราคาตายตัว Fixed price โดยเฉพาะเมื่อในอนาคตมีการคาดการณ์ว่าต้นทุน Solar Project ที่มีมูลค่าถูกลงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้แนวโน้มราคาไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

• การทำสัญญา Virtual PPA ที่จะเพิ่มขึ้นนั้น จะส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าที่จะเข้ามาในระบบเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น หน่วยงานกำกับ จึงควรมีการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บในการรักษาเสถียรภาพของระบบให้เหมาะสมเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารจัดการของระบบโดยรวมได้ โดยใช้อัตราค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บควรเป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบในภาพรวม

Session 3: การนำเสนอตัวอย่างการดำเนินโครงการ ERC Sandbox (เพิ่มเติม)

ผู้บรรยาย : บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 2 จำกัด (คุณดอน ทยาทาน)
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (คุณอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์) และ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (คุณเศรษฐศิษฏ์ ชาติการุณ)

Topic 1: โครงการระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ โรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 2 จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 2 จำกัด

สรุป บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด (BGPLC1R) และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 2 จำกัด (BGPLC2) เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าแบบ SPP/IPS Combined Cycle Cogeneration ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง BGPLC1R ผลิตไฟฟ้าให้ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ขณะที่ BGPLC2 ผลิตให้ IUs เท่านั้นและเชื่อมต่อกับ กฟภ. เพื่อเป็นไฟฟ้าสำรอง ปัญหาสำคัญจากการคาดการณ์ในการติดตั้ง Rooftop PV ของ IUs จะเพิ่มสูงถึง 38.431 MW ภายในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งการศึกษาเบื้องต้นจาก Siemens ชี้ว่าอาจส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าของ BGPLC1R/BGPLC2 โดยเฉพาะด้านแรงดัน ตั้งแต่ระดับการติดตั้ง Rooftop PV ประมาณ 30% ของความต้องการไฟฟ้าของ IUs ดังนั้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพและเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า โครงการได้จัดทำ Smart Grid ที่ BGPLC2 (เพื่อลดความเสี่ยงต่อสัญญา PPA กับ กฟผ. ของ BGPLC1R) โดยจะศึกษาพฤติกรรมของระบบและปรับปรุงระบบรองรับ นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประโยชน์จากการทดลอง โครงการได้รวมเอา EV charging station 3 ชุด (22 kW) และ Treated Transfer Pump (30 kW) ของ BGPLC2 เข้ามาทำหน้าที่เป็น Demand Response โดยพบว่ามี IUs บางรายต้องการขายไฟฟ้าส่วนเกินจาก Rooftop PV และบางรายต้องการซื้อ Green Energy เพื่อลดความเสี่ยงด้านข้อจำกัดทางการค้า โครงการ Smart Grid นี้จึงได้เพิ่มการออกแบบ Online Energy Trading Platform เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย Green Energy ในรูปแบบ Sleeved PPA

การทดสอบ

1) ทดสอบระบบไฟฟ้าอัจฉริยะของ BGPLC2: เพื่อทดสอบการควบคุมบริหารจัดการระบบไฟฟ้าของ BGPLC2 ให้สามารถรองรับการติดตั้ง Rooftop PV ในระดับปัจจุบันได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า และสามารถควบคุม Power flow ณ จุดเชื่อมต่อ 115 KV ระหว่าง BGPLC2 กับ กฟภ. ไม่ให้เบี่ยงเบนเกินกว่า +/- 0.6 MW จาก Power flow set point

2) ทดสอบระบบ Green Energy Trading: เพื่อทดสอบระบบ Green Energy Trading ระหว่าง IUs เจ้าของ Rooftop PV (หรือผู้ติดตั้ง Rooftop PV ที่ขายไฟให้ IUs) กับ IUs ผู้ซื้อรายอื่น ๆ ผ่านคนกลาง BGPLC2 ผู้เป็นเจ้าของสายจำหน่าย โดยใช้รูปแบบ Sleeved PPA หรือระหว่าง IUs เจ้าของ Rooftop PV กับ BGPLC2 หรือระหว่าง BGPLC2 กับ IUs ผู้ที่ต้องการซื้อ Green Energy เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ความสะดวกในการใช้งาน ความเป็นธรรม และการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

pic12

ภาพ: ระบบ Smart Grid ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

pic13

ภาพ: บริหารจัดการระบบไฟฟ้าของ BGPLC

pic14

ภาพ: ระบบ Energy Trading Platform

pic15

ภาพ: ระบบ Green Energy Trading รูปแบบ Sleeved PPA

สถานะการดำเนินการปัจจุบัน

โครงการได้เดินหน้าพัฒนา แพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานไฟฟ้า โดยมีการออกแบบและสร้างซอฟต์แวร์เดโมสำเร็จ รวมถึงร่างสัญญาซื้อขายพลังงานทั้งภาษาไทยและอังกฤษ พร้อมเริ่มทดสอบซอฟต์แวร์ภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการพิจารณาเรื่องการลงทุนเพิ่มเติม และการตรวจสอบข้อกำหนดเขตเศรษฐกิจเพื่อยืนยันความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้จากการซื้อขายไฟฟ้า

Topic 2: โครงการนำร่องการให้บริการรับส่งพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และลูกค้าของผู้ผลิตไฟฟ้า (เพิ่มเติม) ผู้ดำเนินโครงการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP)

สรุป โครงการดำเนินการพัฒนาและขยายผลระบบซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P ผ่านโครงข่ายของ กฟภ. ในรูปแบบ TPA ในพื้นที่อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของ ERC Sandbox ในระยะแรก โดย กฟภ. และ WHAUP ได้เชื่อมต่อ Digital Platform เพื่อการซื้อขายไฟฟ้าแบบ one-to-one และ many-to-one และทดสอบการออกบิลแล้ว

การทดสอบ

1) การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Many-to-Many และระหว่างกลุ่มพื้นที่

• ขยายผล Digital Platform จากโครงการ ERC Sandbox ระยะแรก ให้สามารถรองรับการซื้อขายแบบ Many-to-Many ภายในกลุ่มพื้นที่ โดยมี Platform Operator เป็นผู้ดูแล และระหว่างกลุ่มพื้นที่ โดยมี Aggregator/Agent เป็นคนกลาง

• การควบคุมคุณภาพและบริหารจัดการไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ กฟภ. ควบคุมคุณภาพไฟฟ้าและบริหารจัดการระบบได้ง่ายขึ้น พร้อมต่อยอดสู่ Smart Grid ในอนาคต

• แก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของพลังงานหมุนเวียนผ่าน Digital Platform ที่มีรูปแบบการ Bidding สามารถจัดการกับปัญหาการผลิตที่ไม่เสถียรของพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ และรองรับการ Clearance เนื้อไฟฟ้า ทำให้สามารถตรวจสอบและออกบิลได้อย่างถูกต้อง

pic16

ภาพ: การซื้อขายแบบ Many-to-Many ผ่าน Platform Operator โดยมี Aggregator เป็นคนกลาง

2) การจัดการใบรับรองพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต

• รองรับความต้องการภาคอุตสาหกรรม ผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมต้องการซื้อทั้งเนื้อพลังงานไฟฟ้า และสิทธิจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น ใบรับรองสิทธิการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) หรือ Carbon Credit

• พัฒนา Digital Platform สำหรับ MRV เพื่อต่อขยาย Digital Platform ที่มีอยู่ให้สามารถ ตรวจวัด รายงาน และตรวจสอบ (Measurement, Reporting and Verification: MRV) REC และคาร์บอนเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

pic17 pic18

ภาพ: การซื้อไฟฟ้าพร้อม REC

สถานะการดำเนินการปัจจุบัน

โครงการได้ดำเนินการทดลองเชื่อมต่อ Energy Trading Platform ของตนเองกับ TPA platform ของ กฟภ. ได้สำเร็จแล้ว โดยอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำ TPA Platform ของ กฟภ. และการลงนามในสัญญา TPA เพื่อให้สามารถทดสอบเชื่อมต่อการซื้อจริงได้ภายในโครงการ ต่อไป

Topic 3: โครงการ V2G และ VPP ของ กฟผ. ผู้ดำเนินโครงการ กฟผ.

สรุป โครงการดำเนินการทดสอบเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าจาก Disruptive Technology โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าสามารถจ่ายพลังงานกลับสู่ระบบได้ (Vehicle-to-Grid: V2G) ดังที่หลายประเทศในยุโรปได้กำหนด Grid Code รองรับไว้แล้ว การทดสอบนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเตรียมความพร้อมระบบ Smart Grid ของประเทศไทยในอนาคต และรวบรวมข้อมูลเพื่อกำหนดกฎระเบียบ V2G ที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย กฟผ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าของประเทศ จะทดสอบนวัตกรรมการควบคุม V2G & Virtual Power Plant (VPP) ในสภาพแวดล้อมจริงและลูกค้าจริง เพื่อเรียนรู้และเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการกำกับดูแล V2G & VPP ที่เหมาะสมต่อไป

การทดสอบ เปิดรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Nissan Leaf (BEV) และ Mitsubishi Outlander (PHEV) รวมถึงรถยนต์ค่ายอื่นที่รองรับ V2G และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ที่สนใจ โดยผู้เข้าร่วมจะยินยอมให้ กฟผ. ควบคุมเครื่องชาร์จแบบ Bidirectional ได้โดยตรง กำลังไฟฟ้าที่ใช้จากรถยนต์แต่ละคันอยู่ที่ 5.9 kW และกำหนดกำลังไฟฟ้าที่ทดสอบรวมทั้งโครงการไม่เกิน 300 kW กฟผ. จะพิจารณาความเสี่ยงและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะการป้องกันผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าในพื้นที่ทดสอบ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของผู้เข้าร่วมทดสอบ ทั้งนี้ การจ่ายไฟฟ้าย้อนกลับจากรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ระบบยังไม่ได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และยังไม่มี Grid Code รองรับ V2G ในประเทศไทย

เมื่อสิ้นสุดโครงการ คาดว่าจะได้ระบบ V2G และ VPP Platform (Watt Drive) ที่พร้อมใช้งานได้ทันที และหากมี V2G Grid Code ของประเทศไทยจะสามารถใช้จริงได้กับระบบควบคุมกำลังไฟฟ้า

pic17

ภาพ: การทดสอบโครงการนำร่อง EGAT V2G และ VPP

สถานะการดำเนินการปัจจุบัน

โครงการได้พัฒนาและทดสอบระบบควบคุม Bidirectional charger สำเร็จ ซึ่งใช้งานได้ทั้งในพื้นที่ กฟน. และ กฟภ. และอยู่ระหว่างการรอการเริ่มทดสอบจ่ายไฟฟ้าไหลย้อนเข้าสู่โครงข่ายจริง และขั้นตอนการทดสอบ PEA inverter code ที่ศูนย์ PTEC ต่อไป

Session 4: Panel Discussions ร่วมถอดบทเรียน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินโครงการ ERC Sandbox

ผู้ร่วมเสวนา :

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (คุณนครินทร์ ราชจริต)

การไฟฟ้านครหลวง (คุณภีส์ เพ็ญจันทร์)

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (คุณกฤษณพล ดวงหอม) และ

กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (คุณนที สิทธิประศาสน์)

ดำเนินรายการ :

ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและพัฒนาการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงาน กกพ. (ดร.ชาญชัย อมรวิภาส)

บทสรุปและความเห็น

ผู้ร่วมเสวนาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อโครงการ ERC Sandbox ซึ่งได้มีการสรุปประเด็น ดังนี้

1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

กฟผ. มองว่ารูปแบบการซื้อขายไฟฟ้าในอนาคตของประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เนื่องจากผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถผลิตพลังงานเองได้ ทำให้เกิดมาตรการผลักดันอย่าง Third Party Access (TPA) และโครงการโซล่าภาคประชาชน ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนา EGAT’s Energy Trading Platform (PUNFAI) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของกิจการพลังงานไฟฟ้าในอนาคต กฟผ. มีหน้าที่ควบคุมและเฝ้าระวัง (Monitor) ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ยังคงมีเสถียรภาพ แม้จะเกิดการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยภาพรวมของ TPA Platform ที่เชื่อมโยงข้อมูลของการไฟฟ้าต่าง ๆ ในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายกับ PUNFAI ของ กฟผ. โดยจะลงรายละเอียดสำหรับการเชื่อมโยงกับทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าที่ไม่มีสัญญา PPA กับ กฟผ. และผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญา PPA ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่าง กฟผ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจำเป็นต้องมีการส่งข้อมูลมิเตอร์ไฟฟ้าระหว่างกัน เพื่อให้สามารถมองเห็นพฤติกรรมของระบบได้ตลอดเวลา

pic17 ภาพ: แสดงการส่งผ่านข้อมูลระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายกับ PUNFAI ของ กฟผ.

2) การไฟฟ้านครหลวง

กฟน. ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตลาดพลังงานไฟฟ้าเสรีมานานกว่า 4-5 ปีแล้ว โดยได้พัฒนามาตรการรับมือและการผ่อนปรนข้อจำกัดต่าง ๆ อย่างชัดเจน การศึกษาดังกล่าวได้นำไปสู่การพัฒนา Third Party Platform for ERC Sandbox ซึ่งมีความสามารถด้าน Energy Reconciliation และ Future Trading ที่สอดคล้องกับการทดสอบซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P ภายใต้โครงการ ERC Sandbox (เพิ่มเติม) กฟน. มองว่าโครงการ ERC Sandbox เป็นสิ่งที่ดี เพราะไม่เพียงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทดสอบนวัตกรรมใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การไฟฟ้าเล็งเห็นข้อจำกัดของตนเองที่ไม่รองรับตลาดกิจการพลังงานรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น เช่น Direct PPA ทำให้โครงการนี้ช่วยให้ กฟน. เตรียมความพร้อมและรับมือกับประเด็นต่าง ๆ ได้ แพลตฟอร์มของ กฟน. พัฒนาใกล้เสร็จสมบูรณ์ และจะสามารถนำ Energy Trading Platform มาทดสอบฟังก์ชัน Energy Reconciliation ได้ แต่ยังเป็นข้อมูลจำลอง (mock-up) ไม่ใช่ข้อมูลจริงของระบบโครงข่าย ภาพรวมขั้นตอนการทำงานของ Third Party Platform for ERC Sandbox ของ กฟน. ตามภาพรวมขั้นตอนการทำงานของ Third Party Platform for ERC Sandbox ของ กฟน.ในขณะที่ส่วนของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการทำ TPA ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจากอัยการสูงสุดเช่นกัน

pic17

ภาพ: รวมขั้นตอนการทำงานของ Third Party Platform for ERC Sandbox ของ กฟน.

3) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

กฟภ. พบว่ายังมีหลายประเด็นที่ต้องพัฒนาปรับปรุงเพื่อรองรับการเปิดให้ทดสอบการซื้อขายไฟฟ้าภายใต้โครงการ ERC Sandbox โดยเฉพาะการติดตั้งสมาร์ทมิเตอร์ เพื่อให้สามารถมองเห็นการไหลของกำลังไฟฟ้าแบบ Real-time และการส่งข้อมูลภายในโครงสร้างพื้นฐานผ่าน API เพื่อแยกหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มาจาก กฟภ. และจากโครงการทดสอบ ERC Sandbox ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การออกบิลค่าไฟฟ้าและการคำนวณ WC ที่เหมาะสม สัญญา TPA ของ กฟภ. ได้ผ่านความเห็นชอบจากอัยการสูงสุดแล้ว และ กฟภ. ยืนยันว่าทุกโครงการภายใต้ ERC Sandbox จะได้รับการผ่อนปรนจากสำนักงาน กกพ. อย่างไรก็ตาม ยังมีกระบวนการต่างๆ ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนจะอนุมัติการจ่ายไฟฟ้าไหลย้อนกลับเข้าสู่โครงข่ายและการจัดทำบิลค่าไฟฟ้าได้ แผนการดำเนินงานล่าช้าในกระบวนการ TPA ของ กฟภ. ตามแผนการดำเนินงานล่าสุดในกระบวนการ TPA ของ กฟภ. โดยปัจจุบันทุกโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการทำสัญญา NDA

pic17

ภาพ: แผนการดำเนินงานล่าสุดในกระบวนการ TPA ของ กฟภ.

4) กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน

กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนพบว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากต้องการใช้ ไฟฟ้าสีเขียว ทำให้เกิดการตระหนักถึงมาตรการส่งเสริมเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเดียวกับการจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติ (Power Development Plan, PDP) ซึ่งนำไปสู่ Five Action Plan ของกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการผลักดัน

Action Plan เหล่านี้ครอบคลุมการวิเคราะห์ Big Data, Digital Trading Platform ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เช่น FTIX platform ซึ่งพบว่าติดปัญหาด้านการคิดภาษี, โครงการ ERC Sandbox, ประเด็น RE100 (องค์กรกลางจัดหา Supply/Demand ไฟฟ้าสีเขียว และการตั้งสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนมองว่าโครงการ ERC Sandbox มีผลอย่างมากต่อผู้ประกอบการ แต่ยังมีการดำเนินการหลายอย่างที่ติดขัดและเกิดความล่าช้า ควรผ่อนปรนและลดหย่อนกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ดำเนินการได้ง่ายขึ้น และนำผลไปต่อยอดได้รวดเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่ม RE100 ที่มีแผนการใช้ไฟฟ้าสีเขียวที่รวดเร็วกว่าแผนพลังงานไฟฟ้าของประเทศอย่างมาก จึงอยากให้มีมาตรการผลักดันการทดสอบในโครงการ ERC Sandbox ให้ชัดเจนและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

pic17

ภาพ: Five action plan ของกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการผลักดัน

บรรยากาศงานสัมมนา

ภาพบรรยากาศงานสัมมนา ERC Sandbox Forum 2024

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสัมมนาเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ ERC Sandbox ในแต่ละ Session ได้ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. 

No. Presentation Handouts
 Session 1: แนวคิดและกรอบการดำเนินโครงการ ERC Sandbox
1.1   Topic 1: วัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ ERC Sandbox เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงานของประเทศไทย
1.2   Topic 2: กรณีศึกษาโครงการ ERC Sandbox และกลไกกำกับนวัตกรรมด้านพลังงานในต่างประเทศ
1.3   Topic 3: รายงานการติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ ERC Sandbox
 Session 2: การนำเสนอตัวอย่างการดำเนินโครงการ ERC Sandbox และ โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2
2.1   Topic 1:  โครงการพื้นที่ทดสอบมหาวิทยาลัยอัจฉริยะด้านพลังงาน: การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer และอาคารอัจฉริยะ
2.2   Topic 2: โครงการ Energy Deposit Service by virtual Battery
2.3   Topic 3: โครงการนำร่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเสมือนในประเทศไทย และโครงการนำร่องสร้างกลไกราคา REC จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
 Session 3: การนำเสนอตัวอย่างการดำเนินโครงการ ERC Sandbox (เพิ่มเติม)
3.1   Topic 1:  โครงการระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ โรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 2 จำกัด
3.2   Topic 2: โครงการนำร่องการให้บริการรับส่งพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และลูกค้าของผู้ผลิตไฟฟ้า (เพิ่มเติม)
3.3   Topic 3: โครงการ V2G และ VPP ของ กฟผ.
4  Session 4: Panel Discussions ร่วมถอดบทเรียน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินโครงการ ERC Sandbox
ฝ่ายนวัตกรรมและพัฒนาการกำกับกิจการพลังงาน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
กันยายน พ.ศ. 2568

Embed
คัดลอกสำเร็จ
ภาพกิจกรรม